ไม่ยากและทำได้จริงทุกข้อ "หมอเจด" แนะนำ ถ้าไม่อยากเป็น "มะเร็งปอด" ทำ 5 อย่างนี้ เตือนมีอาการแบบนี้ ต้องรีบไปตรวจ
นพ.เจษฎ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา โพสต์ข้อความผ่านเพจเฟซบุ๊กชื่อ “หมอเจด” โดยระบุว่า ไม่อยากเป็นมะเร็งปอด ทำ 5 อย่างนี้
มะเร็งปอด เป็นหนึ่งในโรคที่แอบร้ายที่สุดเลยครับ เพราะกว่าจะรู้ตัวว่าเป็น ส่วนใหญ่มักจะอยู่ในระยะท้าย ๆ แล้ว ซึ่งตอนนั้นมันก็รักษายากมากขึ้นไปอีก ที่น่าตกใจกว่านั้นคือ ช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เราเริ่มเห็นคนอายุน้อยเป็นกันมากขึ้นเรื่อย ๆ บางคนไม่เคยสูบบุหรี่ด้วยซ้ำ ตรวจสุขภาพทุกปีก็แล้ว แต่สุดท้ายก็มาเจอตอนที่เริ่มมีอาการไปแล้ว
เลยอยากชวนคุยวันนี้ครับว่า ถ้าเราอยากลดความเสี่ยงมะเร็งปอด ต้องทำยังไงบ้าง บอกเลยว่าไม่ยาก และทำได้จริงทุกข้อ
1.เลิกบุหรี่ หรือถ้ายังไม่เคยเริ่ม ก็อย่าเริ่มเลย
ข้อนี้ไม่ต้องพูดเยอะ เพราะทุกคนก็รู้อยู่แล้วว่า “บุหรี่” คือสาเหตุอันดับ 1 ของมะเร็งปอด
ในควันบุหรี่มีสารพิษสารก่อมะเร็งกว่า 70 ชนิด ชื่ออาจจะไม่คุ้นหู แต่ร้ายมาก เช่น Benzopyrene, Nitrosamines, Formaldehyde, สารหนู ฯลฯ
พวกนี้มันเข้าไปทำลาย DNA ในเซลล์ปอด ทำให้กลายพันธุ์ แล้วก็กลายเป็นมะเร็งในที่สุด
ที่สำคัญคือ ไม่ใช่แค่คนสูบเท่านั้นที่เสี่ยง คนรอบข้างที่ต้องสูด “ควันบุหรี่มือสอง” ก็โดนไปเต็ม ๆ เหมือนกันครับ
สรุปคือ ถ้าอยากลดความเสี่ยง
- เลิกสูบให้เร็วที่สุด
- หลีกเลี่ยงพื้นที่ที่มีคนสูบบุหรี่
- ถ้าคนใกล้ตัวสูบ ลองคุยกับเขาดี ๆ ด้วยความห่วงใย ไม่ใช่การต่อว่า
2.อยู่ให้ห่างจาก “ฝุ่นจิ๋ว PM2.5”
ไม่ต้องสูบบุหรี่ก็เป็นมะเร็งปอดได้ครับ หนึ่งในสาเหตุที่หลายคนเจอทุกวันก็คือ “ฝุ่น PM2.5” เจ้าฝุ่นจิ๋วนี้มันเล็กมาก ขนาดเล็กกว่าเส้นผมประมาณ 20-30 เท่า และมันเล็กพอที่จะ “ทะลุลึกเข้าไปถึงถุงลมในปอด” ได้เลย
พอเข้าไปแล้ว มันไปกระตุ้นให้เกิดการอักเสบแบบเรื้อรังในปอด ถ้าเจอบ่อย ๆ ปอดก็จะค่อย ๆ เสื่อม แล้วมีโอกาสที่เซลล์จะกลายพันธุ์เป็นมะเร็งได้
ทำยังไงดีในวันที่อากาศไม่ดี
- ก่อนออกจากบ้าน ลองเช็กค่าฝุ่นผ่านแอปอย่าง AirVisual หรือ AQI Thailand
- ถ้าฝุ่นขึ้นสูง อยู่ในบ้านจะปลอดภัยกว่า
- ถ้าจำเป็นต้องออกไปข้างนอก ใช้หน้ากาก N95 หรือ KF94
- มีเครื่องฟอกอากาศไว้ใช้ในห้องนอนยิ่งดีครับ
3.ระวัง “ควันจากการทำอาหาร” โดยเฉพาะในพื้นที่ปิด
หลายคนมองข้ามเรื่องนี้นะ “การผัด ๆ ทอด ๆ ในครัวบ้านเรา” ก็มีผลกับมะเร็งปอดได้เหมือนกัน จริง ๆ แล้วควันจากการทำอาหาร โดยเฉพาะพวกทอดด้วยน้ำมันมาก ๆ หรือใช้อุณหภูมิสูงจัด ๆ
เช่น การผัดกระทะเหล็ก ไฟแรง ๆ จะทำให้เกิดสาร VOCs (สารอินทรีย์ระเหยง่าย) และ PAHs (สารไฮโดรคาร์บอนจากการเผาไหม้ไม่สมบูรณ์) สารเหล่านี้ก็เป็น “สารก่อมะเร็ง” ที่สามารถสะสมในร่างกายได้เหมือนกัน
แนะนำว่า
- ถ้าทำอาหารที่บ้าน ควรเปิดเครื่องดูดควันทุกครั้ง
- หรือเปิดหน้าต่างให้อากาศถ่ายเท
- ลดการใช้น้ำมันมาก ๆ หันมานึ่ง ต้ม อบ แทน
- เลี่ยงการทอดน้ำมันซ้ำหลายรอบ
4.ตรวจคัดกรองถ้ามีประวัติครอบครัว หรือความเสี่ยง
มะเร็งปอดในระยะแรกมักไม่มีอาการอะไรเลยครับ คนไข้ที่เจอมักจะรู้เมื่อมีอาการ เช่น ไอเรื้อรัง ไอเป็นเลือด หายใจหอบ เจ็บหน้าอก ซึ่งบางทีก็ช้าเกินไปแล้ว การ “ตรวจคัดกรอง” จึงเป็นทางเลือกสำคัญที่อาจช่วยให้เจอโรคไวขึ้น โดยเฉพาะในคนที่มีความเสี่ยงสูง เช่น
- สูบบุหรี่จัดมานาน
- เคยทำงานในโรงงานที่มีแร่ใยหิน (asbestos)
- มีคนในครอบครัวเคยเป็นมะเร็งปอด
- คนที่เจอมลพิษทางอากาศทุกวัน จากทั้งการจราจรและโรงงานอุตสาหกรรม
- อายุมากกว่า 50 ปี และมีโรคประจำตัวบางอย่าง
ปัจจุบันมีเครื่องมือที่ใช้ได้ผลดี คือ “Low-dose CT scan” เป็นการเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ที่ให้ภาพละเอียด โดยใช้รังสีในระดับต่ำ ทำให้ปลอดภัยกว่าการสแกนแบบทั่วไป ใครที่เข้ามีความเสี่ยง ควรปรึกษาหมอและไปตรวจนะ อย่ารอให้มีอาการแล้วค่อยมาตรวจนะครับ
5.บำรุงปอดให้แข็งแรงอยู่เสมอ
ไม่ใช่แค่เลี่ยงของไม่ดี แต่เรายังเสริมเกราะให้ร่างกายได้ด้วย คือทำให้ภูมิคุ้มกันของเราทำงานดีอยู่เสมอ เพราะภูมิคุ้มกันก็เป็นตัวสำคัญในการสู้กับเซลล์ผิดปกติ ดูแลร่างกายแบบง่าย ๆ ได้เลยครับ
- ออกกำลังกายให้ได้อย่างน้อยสัปดาห์ละ 3-5 วัน จะเดินเร็ว วิ่ง ว่ายน้ำ ก็ได้หมด
- กินอาหารดี ๆ โดยเฉพาะผักผลไม้หลากสี จะได้สารต้านอนุมูลอิสระไปช่วยป้องกันเซลล์กลายพันธุ์
- นอนให้พอ อย่านอนดึกเรื้อรัง
- ลดหวาน แอลกอฮอล์ และของทอดให้น้อยที่สุด
ยิ่งเราดูแลปอดให้แข็งแรง ภูมิคุ้มกันดี ก็จะลดความเสี่ยงได้นะ ฝากด้วยนะครับไม่อยากเป็นมะเร็งปอด ต้องเริ่มจากดูแลตัวเองตั้งแต่วันนี้ ไม่ใช่แค่เรื่องของบุหรี่ แต่ยังมีปัจจัยแฝงอีกหลายอย่างที่เราควรระวัง
ผมเข้าใจว่ามะเร็งปอดเป็นเรื่องไกลตัวสำหรับหลายคน แต่ขอย้ำอีกครั้งว่า “ไม่ใช่เฉพาะคนที่สูบบุหรี่เท่านั้นที่จะเป็นได้
Edward Jenner
ถ้ามีอาการแบบนี้
- ไอเรื้อรังเกิน 2-3 สัปดาห์
- ไอเป็นเลือด
- หายใจลำบาก
- เจ็บหน้าอกไม่ทราบสาเหตุ
- น้ำหนักลดลงผิดปกติ
- ต้องรีบไปตรวจนะ
ลองทำตามที่ผมบอกนะ จะช่วยลดความเสี่ยงมะเร็งปอดได้ ใครมีคำถามคอมเมต์ได้เลยนะครับ