ไม่ใช่พุง! หมอเผยจุดแรกที่ร่างกายเริ่มสะสมไขมัน เป็น "อวัยวะ" ที่หลายคนคาดไม่ถึง

16 hours ago 5
❤️ ARTICLE AD BOX ❤️

หมอเมืองนอกเผย จุดแรกที่ร่างกายเริ่มสะสมไขมันไม่ใช่ที่ท้อง แต่แท้จริงแล้วคืออวัยวะส่วนนี้ ซึ่งยังทำให้เกิดผลข้างเคียงที่คาดไม่ถึง

ลืมเรื่องพุงย้อยหรือขาใหญ่ไปได้เลย ความอ้วนเริ่มต้นขึ้นจากจุดที่คุณคาดไม่ถึง

ดร.วิลเลียม หลี่ แพทย์และนักวิทยาศาสตร์ด้านอาหาร อธิบายในพอดแคสต์ The Mel Robbins Podcast ว่า “เมื่อคุณได้รับพลังงานเกินความจำเป็น จนร่างกายเก็บสะสมไว้ไม่หมด ไขมันก้อนแรกที่จะก่อตัวขึ้นคือภายในร่างกาย ซึ่งคุณมองไม่เห็น”

และจุดที่ไขมันเริ่มสะสมนี้อาจทำให้คุณประหลาดใจ เพราะสำหรับบางคน มันอาจสร้างปัญหาในเรื่องบนเตียงได้เลยทีเดียว

ดร.หลี่กล่าวว่า “เมื่อคุณเริ่มน้ำหนักขึ้นและมีไขมันสะสมเพิ่มขึ้น หนึ่งในจุดแรก ๆ ที่ไขมันไปก่อตัวก็คือ บริเวณด้านหลังของลิ้น

Andrea Piacquadio

เขาอธิบายว่า ต่างจากส่วนปลายลิ้นที่เคลื่อนไหวได้อิสระ หรือส่วนกลางที่แข็งแรงเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ โคนลิ้นกลับทำหน้าที่คล้าย “หมอนใบใหญ่ที่เต็มไปด้วยไขมัน” ช่วยให้เศษอาหารที่เคี้ยวแล้วไหลลงสู่กระเพาะได้อย่างราบรื่น

แต่พื้นที่นี้เองก็เป็นจุดสะสมของ ไขมันช่องท้อง (Visceral Fat) ซึ่งเป็นไขมันซ่อนเร้นที่ก่อตัวลึกอยู่ภายในร่างกาย แตกต่างจากไขมันใต้ผิวหนังทั่วไปที่มองเห็นได้ง่าย ไขมันบริเวณลิ้นจึงแทบเป็นไปไม่ได้ที่จะตรวจพบด้วยตาเปล่า

อย่างไรก็ตาม ดร.หลี่ระบุว่า มีสัญญาณเตือนสำคัญที่บ่งชี้ได้ว่าลิ้นของคุณอาจกำลังสะสมไขมัน

“สัญญาณบอกชัด ๆ ก็คือการนอนกรน หรือสะดุ้งตื่นขณะหลับ” เขากล่าว

เมื่อคุณหลับ ลิ้นจะคลายตัวตามธรรมชาติ และหากมีไขมันสะสมมากเกินไป ก็อาจเริ่มปิดกั้นทางเดินหายใจได้

“คุณจะตื่นขึ้นมาแล้วมีเสียงกรนหรือสะดุ้ง ซึ่งมักเป็นสิ่งที่คนที่นอนข้าง ๆ สังเกตเห็นก่อน” ดร.หลี่อธิบาย

Andres Ayrton

งานวิจัยก็สนับสนุนเรื่องนี้เช่นกัน พบว่าคนที่มีภาวะอ้วนและเป็นโรคหยุดหายใจขณะหลับชนิดอุดกั้น (Obstructive Sleep Apnea) ความผิดปกติร้ายแรงที่ทำให้การหายใจสะดุดระหว่างนอนหลับ มักมีไขมันสะสมบริเวณลิ้นมากกว่าคนทั่วไปอย่างชัดเจน โดยเฉพาะตรงโคนลิ้น

สิ่งนี้ช่วยอธิบายได้ว่าทำไมโรคอ้วนจึงถูกจัดว่าเป็นปัจจัยเสี่ยงอันดับต้น ๆ ของภาวะหยุดหายใจขณะหลับ 

และแม้จะฟังดูเหมือนไม่ร้ายแรง แต่อันที่จริงแล้วภาวะนี้ไม่ใช่เรื่องเล็ก หากปล่อยทิ้งไว้โดยไม่รักษา อาจนำไปสู่โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง เบาหวาน ภาวะซึมเศร้า การเสื่อมถอยของการทำงานสมอง และอาจถึงขั้นเสียชีวิตได้เลยทีเดียว

แต่ก็ยังมีความหวังอยู่ งานวิจัยในปี 2020 ใช้การสแกน MRI เพื่อตรวจสอบผลของการลดน้ำหนักต่อทางเดินหายใจในผู้ป่วยอ้วน 67 คน ซึ่งลดน้ำหนักได้เพียง 10% ผ่านการควบคุมอาหารหรือการผ่าตัด

ผลลัพธ์ชี้ว่าคะแนนภาวะหยุดหายใจขณะหลับดีขึ้นถึง 31% และภาพสแกนยังแสดงให้เห็นว่า ลิ้นที่เล็กลง คือปัจจัยสำคัญที่สุดที่ทำให้ภาวะนี้ทุเลาลง

ริชาร์ด ชวาบ ผู้อำนวยการร่วม Penn Sleep Center แห่ง Penn Medicine และหัวหน้าทีมวิจัย กล่าวกับ CNN ว่า

“ยิ่งคุณลดไขมันในลิ้นได้มากเท่าไร ภาวะหยุดหายใจขณะหลับของคุณก็ยิ่งดีขึ้นมากเท่านั้น”

ชวาบและคณะเชื่อว่าการลดไขมันบริเวณลิ้นด้วยการควบคุมน้ำหนัก อาจเป็นแนวทางใหม่ที่มีศักยภาพในการรักษาโรคหยุดหายใจขณะหลับได้

เขากล่าวในแถลงการณ์ว่า “แพทย์ส่วนใหญ่ แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญด้านภาวะหยุดหายใจขณะหลับ ก็มักไม่ได้ให้ความสำคัญกับไขมันในลิ้นในการรักษาโรคนี้”

ชวาบเสริมว่า “เมื่อเราทราบแล้วว่าไขมันในลิ้นคือปัจจัยเสี่ยง และภาวะหยุดหายใจขณะหลับดีขึ้นเมื่อไขมันในลิ้นลดลง เราจึงได้เป้าหมายการรักษาใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อน”

แม้คุณจะยังไม่ถึงขั้นเป็นโรคหยุดหายใจขณะหลับเต็มรูปแบบ ดร.หลี่ก็ชี้ว่า การเริ่มมีอาการนอนกรนหรือมีเสียงสะดุ้งหายใจระหว่างหลับ อาจเป็นสัญญาณเตือนระยะเริ่มต้นของการสะสมไขมันอันตราย ที่เกิดขึ้นนานก่อนที่น้ำหนักตัวหรือรูปร่างจะเปลี่ยนให้เห็นชัดในกระจก

การตรวจพบตั้งแต่เนิ่น ๆ จึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เพราะงานวิจัยบ่งชี้ว่าการป้องกันโรคอ้วนทำได้ง่ายกว่าและมีประสิทธิภาพกว่าการพยายามแก้ไขภายหลัง

Read Entire Article