ไวรัลอีกครั้ง! ภาพแม่ตะโกนในตำนาน จากปี 1991 เทียบปัจจุบัน ลูกประสบความสำเร็จไหม?

2 months ago 43

ผ่านมา 34 ปี เขย่าโซเชียลอีกครั้ง ภาพแม่ลูกในตำนานหวนคืน เทียบภาพล่าสุดที่ทำคนทั้งเน็ตน้ำตาซึม

ภาพถ่ายขาวดำธรรมดาภาพหนึ่งจากปี 1991 ที่เคยเป็นไวรัลทั่วประเทศจีน กำลังกลับมาได้รับความสนใจอีกครั้งในโลกออนไลน์ พร้อมเรื่องราวต่อเนื่องที่ชวนให้รู้สึกอบอุ่นหัวใจ

ในภาพที่เป็นตำนานนั้น บันทึกฉากชีวิตประจำวันที่เรียบง่ายของแม่ลูกคู่หนึ่งในเมืองเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน หญิงวัยกลางคนกำลังนั่งคุมลูกชายทำการบ้านท่ามกลางฤดูร้อนอันแสนอบอ้าว มือหนึ่งถักไหมพรม อีกมือทำหน้าที่คอยตรวจตราลูกชายฝ่ายเด็กชายที่นั่งถอดเสื้ออยู่บนเก่าอี้ กางหนังสือเรียนไว้บนโต๊ะ ท่าทางกึ่งตั้งใจเรียนกึ่งต่อต้านโดยการเอาขาพาดตักแม่ราวกับจะประท้วงความเคร่งเครียดของการเรียนในยุคนั้น

ภาพนี้กลายเป็นตัวแทนของยุคสมัยที่การศึกษาและการสอบเข้าโรงเรียนดีๆ คือหนทางเดียวในการเปลี่ยนชีวิต สำหรับเด็กชนชั้นกลาง พ่อแม่จึงทุ่มเทแรงกายแรงใจ พร้อมคำพูดที่ทั้งกดดันและเปี่ยมด้วยความรัก เช่น “รีบทำการบ้านให้เสร็จสิ!” ที่ผู้เป็นแม่ในภาพตะโกนใส่ลูกในวันนั้น

ปัจจุบันผ่านมาแล้วกว่า 34 ปี เด็กชายในภาพเติบโตเป็นชายหนุ่มที่ประสบความสำเร็จ เขาเรียนจบมหาวิทยาลัย เคยไปศึกษาต่อด้านเทคโนโลยีสารสนเทศที่ประเทศอินเดีย และได้กลับบ้านเกิดมาทำงานอยู่สายอาชีพดังกล่าว ส่วนผู้เป็นแม่ในวันนี้ก็เข้าสู่วัยชราแล้ว

ล่าสุดทั้งสองคนได้ร่วมกันถ่ายภาพใหม่อีกครั้ง ในภาพแม่สวมเสื้อสีแดง เส้นผมของเธอเริ่มเปลี่ยนเป็นสีขาวแล้ว ในขณะที่ลูกชายใส่แว่นนั่งอยู่เคียงข้าง พร้อมพื้นหลังที่เป็นภาพถ่ายเก่าในตำนาน การถ่ายภาพใหม่ในครั้งนี้จึงไม่เพียงเป็นการรำลึกถึงอดีต แต่ยังเป็นเครื่องยืนยันความเข้าใจ ความเสียสละ และความรักที่ไม่มีวันจางหายของแม่ที่มีต่อลูกด้วย

เรื่องราวนี้สะท้อนความจริงอันลึกซึ้ง ว่าการนั่งประกบลูกทำการบ้านนั้นไม่ใช่แค่หน้าที่ แต่เป็นภารกิจที่เต็มใจทำแม้จะเหนื่อยทั้งหนักใจ เพราะในความเป็นจริง พ่อแม่ต้องสวมบทบาทหลายอย่าง ทั้งครู เพื่อน ตำรวจ และบางครั้งยังกลายเป็นที่ระบายอารมณ์ของลูกๆ โดยไม่มีใครเห็น หรือเข้าใจอย่างแท้จริง

สื่อจีนหลายสำนักพากันชื่นชมภาพที่ถูกถ่ายขึ้นใหม่นี้ว่า โดยระบุว่า “มันไม่ใช่แค่ภาพของการศึกษาจีนเท่านั้น แต่เป็นสัญลักษณ์ของความรัก ความอดทน และการเสียสละของพ่อแม่ทั่วโลก ที่เคยจับมือลูกเขียนตัวอักษรตัวแรก และนั่งลุ้นผลสอบไปพร้อมกันทุกคืน”

ภาพเก่าอาจเป็นแค่ช่วงเสี้ยวหนึ่งของชีวิต แต่เรื่องราวเบื้องหลังของมัน กลับเป็นนิรันดร์สำหรับหัวใจของพ่อแม่ทุกคน