4 สิ่งในครัวที่ถูกเรียกว่า “ราชาแห่งการทำลายตับ” มีอยู่แทบทุกบ้าน แต่หลายคนไม่เคยรู้มาก่อน
ของใช้เล็ก ๆ ที่คุณสัมผัสทุกวัน อาจกำลังทำร้ายตับของคุณโดยไม่รู้ตัว
ขวดใส่เครื่องปรุง เขียง ขวดน้ำมันในครัว สิ่งของเหล่านี้ที่เราใช้เป็นประจำ อาจซ่อนภัยเงียบที่ทำร้ายตับอย่างต่อเนื่อง อย่ามองข้ามตับเพียงเพราะมันไม่แสดงอาการเจ็บชัดเจน เพราะแท้จริงแล้ว ตับคือ “โรงงานเคมี” สำคัญของร่างกาย
4 สิ่งในครัวที่ขึ้นชื่อว่าเป็น “ราชาผู้ทำลายตับ”
1. เขียงและตะเกียบขึ้นรา
หากสังเกตเห็นจุดดำบนอุปกรณ์ไม้ ต้องระวัง เพราะอาจเป็นเชื้อรา Aspergillus flavus ซึ่งสร้างสารพิษร้ายแรงยิ่งกว่าอาร์เซนิกถึง 68 เท่า สารพิษนี้ทนความร้อนสูงและไม่สามารถล้างออกได้ด้วยวิธีธรรมดา หากร่างกายได้รับสารนี้สะสมไปนาน ๆ จะทำให้ตับทำงานหนักและเสี่ยงต่อโรคร้ายแรงในอนาคต
2. การใช้น้ำมันทอดซ้ำหลายครั้ง
การนำน้ำมันที่ใช้แล้วกลับมาใช้ซ้ำ โดยเฉพาะในอุณหภูมิสูง จะก่อให้เกิดสารอันตราย เช่น มาลอนไดอัลดีไฮด์ ซึ่งเป็นสารที่ทำให้ตับต้องทำงานหนักขึ้นในการกำจัด คำแนะนำคือ ไม่ควรใช้น้ำมันทอดซ้ำเกิน 3 ครั้ง และควรเปลี่ยนน้ำมันใหม่ทันทีเมื่อสังเกตว่าสีของน้ำมันเริ่มคล้ำลง
3. ขวดพลาสติกใส่น้ำมันที่ใช้มานานโดยไม่เปลี่ยน
ขวดพลาสติกที่ใช้เกินครึ่งปีมีแนวโน้มปล่อยสารพลาสติกออกมา โดยเฉพาะเมื่อใช้ใส่น้ำมัน ซึ่งอาจละลายสารอันตรายออกมาปะปนกับอาหารได้ แนะนำให้เปลี่ยนมาใช้ภาชนะที่ทำจากแก้วหรือสแตนเลสในการใส่น้ำมันจะปลอดภัยต่อสุขภาพมากกว่า
4. เครื่องปรุงหมดอายุ
เครื่องปรุงรสและซอสต่าง ๆ ที่เปิดใช้เกินครึ่งปี อาจเกิดเชื้อราและสารปนเปื้อนที่เป็นอันตราย ตับจะต้องทำงานหนักขึ้นในการกำจัดสารพิษเหล่านี้ ทางที่ดีควรเลือกซื้อเครื่องปรุงขนาดเล็ก และใช้ให้หมดภายใน 3 เดือนเพื่อความปลอดภัยของสุขภาพ
4 หลักสำคัญในการดูแลตับให้แข็งแรง
1. เลือกวิธีปรุงอาหารที่เหมาะสม
การปรุงอาหารด้วยความร้อนต่ำ เช่น การนึ่งหรือลวก จะช่วยรักษาสารอาหารได้ดีที่สุด ขณะปรุงควรควบคุมอุณหภูมิน้ำมัน อย่ารอให้น้ำมันเดือดจนมีควันก่อนใส่อาหารลงไป และควรจัดสรรเวลาให้ตับได้พักบ้าง เช่น งดการสูดควันหรือสารเคมี 2–3 วันต่อสัปดาห์
2. เลือกใช้วัตถุดิบที่ช่วยบำรุงตับอย่างชาญฉลาด
ผักในตระกูลกะหล่ำ เช่น บรอกโคลีและกะหล่ำม่วง มีสารกำมะถันที่ช่วยกระตุ้นเอนไซม์ล้างพิษในตับ ส่วนเบตาอีนในเก๋ากี้ (โกจิเบอร์รี่) ช่วยฟื้นฟูเซลล์ตับ อย่าลืมกินทั้งผลเมื่อแช่น้ำ เพื่อให้ได้สารอาหารครบถ้วน
3. ตั้งนาฬิกาชีวิตให้สอดคล้องกับการล้างพิษของตับ
ช่วงเวลา 5 ทุ่มถึงตี 3 เป็นช่วงที่ตับทำหน้าที่ล้างพิษอย่างเต็มที่ ควรนอนหลับลึกในช่วงเวลานี้ และไม่ควรรับประทานอาหารก่อนนอนอย่างน้อย 3 ชั่วโมง เพื่อลดภาระให้ตับได้พัก
4. ควบคุมอารมณ์ให้สมดุล
ตามหลักแพทย์แผนจีน “ความโกรธทำร้ายตับ” เพราะอารมณ์เครียดจะกระตุ้นฮอร์โมนความเครียดในร่างกาย ควรฝึกหายใจลึกวันละ 10 นาที หรือกดจุด “ไท้ชง” (บริเวณระหว่างกระดูกนิ้วโป้งกับนิ้วชี้ที่หลังเท้า) เพื่อช่วยลดความเครียดและอาการซึมเศร้า
อย่ามองข้ามสัญญาณเหล่านี้
ดวงตาแห้ง คันบ่อย เล็บมีเส้นแนวตั้ง แผลหายช้า อาจเป็นสัญญาณว่าตับของคุณกำลังขอความช่วยเหลือ หากมีอาการเหนื่อยล้าเรื้อรังหรือเบื่ออาหารร่วมด้วย ควรรีบตรวจสุขภาพตับโดยเร็ว
การดูแลตับซ่อนอยู่ในรายละเอียดเล็ก ๆ ของชีวิตประจำวัน เริ่มต้นง่าย ๆ ตั้งแต่วันนี้ ด้วยการตรวจสอบว่าอุปกรณ์ในครัวหมดอายุหรือยัง และล้างทำความสะอาดอาหารในตู้เย็นอย่างสม่ำเสมอ อย่าลืมว่า ไม่ว่าการดูแลตับจะดีแค่ไหน ก็ไม่ดีเท่าการป้องกันที่ต้นเหตุ ลดภาระให้ตับวันละเล็กวันละน้อย แล้วร่างกายคุณจะตอบแทนด้วยระบบเผาผลาญที่แข็งแรง