ภาพของพระสงฆ์ไทยที่ศีรษะโล้นและไม่มีคิ้ว เป็นสิ่งที่เราคุ้นชินกันมานาน จนทำให้เกิดคำถามว่า “พระสงฆ์ไทยคือชาติเดียวในโลกที่โกนคิ้วจริงหรือไม่?”
คำตอบของเรื่องนี้เกี่ยวข้องทั้งหลักพระวินัยและวัฒนธรรมเฉพาะถิ่นที่สืบทอดกันมายาวนาน
พระพุทธเจ้าทรงบัญญัติให้โกนคิ้วหรือไม่?
ในพระวินัยปิฎก ซึ่งเป็นหลักเกณฑ์ในการดำรงชีวิตของพระสงฆ์ ไม่มีข้อใดระบุชัดเจนว่าพระสงฆ์ต้องโกนคิ้ว มีเพียงบัญญัติให้โกนศีรษะหรือ “ปลงผม” ทุกครึ่งเดือน เพื่อแสดงถึงการละวางจากโลกีย์วิสัย ความเรียบร้อย และความสม่ำเสมอในการครองสมณเพศ
ดังนั้น การโกนคิ้วจึงไม่ใช่ข้อบังคับทางวินัยของพระพุทธศาสนาโดยตรง
แล้วทำไมพระไทยถึงโกนคิ้ว?
การโกนคิ้วของพระไทยไม่ได้มีรากฐานจากพระวินัย แต่เป็นวัฒนธรรมที่ถูกปลูกฝังขึ้นในสังคมไทย โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อ “ตัดความยึดติดในความงาม” และแสดงออกถึงความละทิ้งทางโลกอย่างสิ้นเชิง
การไม่มีคิ้วทำให้ใบหน้าดูเรียบ ไม่มีเอกลักษณ์ จึงเป็นสัญลักษณ์ของความเสมอภาค ลดความหลงใหลในรูปลักษณ์ภายนอก และสร้างความต่างจากฆราวาสอย่างชัดเจน
ประเทศอื่นๆ ปฏิบัติเช่นเดียวกันหรือไม่?
เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศที่นับถือศาสนาพุทธ เช่น เมียนมา ศรีลังกา กัมพูชา ลาว อินเดีย หรือแม้แต่ในนิกายเซนของญี่ปุ่น จะพบว่าพระสงฆ์ในประเทศเหล่านี้ ไม่โกนคิ้ว
โดยส่วนใหญ่ยังคงไว้คิ้วตามปกติ ซึ่งแสดงให้เห็นว่า การโกนคิ้วไม่ใช่แนวปฏิบัติที่เป็นสากลในหมู่พระสงฆ์ แต่เป็นแนวทางเฉพาะของไทย
เหตุผลทางประวัติศาสตร์ที่ทำให้พระไทยโกนคิ้ว
มีนักวิชาการบางส่วนวิเคราะห์ว่า ธรรมเนียมการโกนคิ้วอาจเกิดขึ้นในช่วงต้นรัตนโกสินทร์หรือก่อนหน้านั้น เพื่อเสริมสร้างภาพลักษณ์ของความบริสุทธิ์ และเพื่อให้พระสงฆ์ไทยมีภาพลักษณ์ที่ต่างจากชาวบ้านอย่างชัดเจน อีกทั้งยังสื่อถึงการออกบวชอย่างแท้จริง ซึ่งไม่ห่วงใยในรูปลักษณ์หรือความงามใดๆ
รวมไปถึง "ทฤษฎีสายลับ" ในสมัยอยุธยา มีการกล่าวถึงการที่ทหารพม่าปลอมตัวเป็นพระสงฆ์เพื่อเข้ามาสืบข่าว จึงมีคำสั่งให้พระสงฆ์ไทยโกนคิ้วเพื่อแยกแยะพระสงฆ์จริงและพระสงฆ์ปลอม
สรุปแล้ว จริงหรือไม่?
คำตอบคือ "จริง" พระสงฆ์ไทยเป็นกลุ่มที่ แทบจะชาติเดียวในโลก ที่มีธรรมเนียมการโกนคิ้วอย่างต่อเนื่องและเป็นระบบ ถึงแม้จะไม่ใช่ข้อบังคับตามพระวินัย แต่ถือเป็นวัฒนธรรมทางศาสนาที่ฝังรากลึกในสังคมไทยมานานหลายร้อยปี และยังคงปฏิบัติกันอย่างเคร่งครัดจนถึงปัจจุบัน