จีนประกาศขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ หลายประเภท เพื่อตอบโต้มาตรการของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่สั่งเก็บภาษีเพิ่มกับสินค้านำเข้าจากจีนซึ่งมีผลบังคับใช้ในวันอังคาร
ทางการจีนประกาศเก็บภาษี 15% กับถ่านหินและก๊าซธรรมชาติจากสหรัฐฯ และ 10% กับน้ำมันดิบ เครื่องจักรทางการเกษตร และสินค้ารถยนต์บางประเภทที่ส่งมาจากอเมริกา
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ปธน.ทรัมป์ ประกาศขึ้นภาษีอีก 10% กับสินค้าจากจีนทุกประเภท เพื่อกดดันให้จีนใช้มาตรการป้องกันการลักลอบขนส่งยาเฟนทานิลเข้ามายังสหรัฐฯ โดยมีผลบังคับใช้วันอังคารนี้
รัฐบาลสหรัฐฯ ระบุว่า จีนคือแหล่งผลิตสารเคมีที่ขบวนการค้ายาเสพติดในเม็กซิโกนำไปใช้ในการผลิตยาเฟนทานิลก่อนที่จะลักลอบส่งข้ามพรมแดนเข้ามาในอเมริกา
ทรัมป์กล่าวว่า "หวังว่าจีนจะยับยั้งการส่งเฟนทานิลมาสหรัฐฯ ไม่เช่นนั้นภาษี (สินค้านำเข้าจากจีน) จะยิ่งสูงขึ้น"
โฆษกทำเนียบขาว แคโรไลน์ เลวิตต์ กล่าวในวันจันทร์ว่า ปธน.ทรัมป์จะเจรจากับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า
ในวันอังคาร ทรัมป์ กล่าวว่าตนไม่รีบร้อนที่จะหารือกับปธน.สี จิ้นผิง เพื่อคลี่คลายสงครามการค้ารอบใหม่ระหว่างกัน โดยการพูดคุยระหว่างผู้นำทั้งสองได้รับการจับตามองว่าเป็นกุญแจสำคัญในการผ่อนปรน หรือเลื่อนการขึ้นภาษี เหมือนกับกรณีของเม็กซิโกและแคนาดาเมื่อวันจันทร์
และเมื่อวันจันทร์ ทรัมป์สั่งพักแผนเรียกเก็บภาษีนำเข้าจากเม็กซิโกและแคนาดาเป็นเวลา 1 เดือน หลังการคุยหารือทางโทรศัพท์ของผู้นำเม็กซิโกและแคนาดา
นายกรัฐมนตรีแคนาดา จัสติน ทรูโด และประธานาธิบดีเม็กซิโก คลอเดีย ไชน์บาม คุยโทรศัพท์กับปธน.ทรัมป์ ก่อนที่การเรียกเก็บภาษีนำเข้ารอบใหม่จะมีผลบังคับใช้ในวันอังคาร โดยผู้นำเม็กซิโกยอมตกลงที่จะเสริมกำลังเจ้าหน้าที่ตามแนวชายแดนที่ติดกับสหรัฐฯ 10,000 คน เพื่อสกัดการอพยพเข้าเมืองและการลักลอบค้ายาเสพติดตามคำเรียกร้องของทรัมป์
ด้านนายกฯ ทรูโด กล่าวว่า แคนาดาจะใช้เทคโนโลยีใหม่และเสริมกำลังพลตามแนวชายแดนเพื่อปิดกั้นการลักลอบนำยาเสพติดเฟนทานิลข้ามแดนไปยังสหรัฐฯ เช่นกัน
การตกลงพักแผนงานรัฐบาลสหรัฐฯ ในการเก็บภาษีนำเข้าจากเม็กซิโกและแคนาดาเกิดขึ้นหลังทรัมป์ประกาศแผนงานนี้ออกมาได้ไม่ถึง 48 ชั่วโมงในการตั้งกำแพงภาษีจากเม็กซิโกและแคนาดาในอัตรา 25% และจากจีนในอัตรา 10% โดยมูลค่าการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับ 3 ประเทศคู่ค้านี้อยู่ที่ราว 2.1 ล้านล้านดอลลาร์ต่อปี
- เนื้อหาบางส่วนจากเอพีและรอยเตอร์