ประชาชนนับพันคนเข้าแถวภายในสวนพฤกษศาสตร์ในนครซิดนีย์ในวันพฤหัสบดีเพื่อจะได้เห็นและดอมดมกลิ่นเน่าเหม็นจาก “ดอกบุกยักษ์” หรือ “ดอกซากศพ” ที่บานเป็นครั้งแรกในรอบ 15 ปี ตามรายงานของรอยเตอร์
ดอกซากศพของ Royal Botanic Garden ในซิดนีย์กลายมาเป็นจุดหมายยอดนิยมของระยะสั้นนักท่องเที่ยว โดยบางคนต้องเข้าแถวรอถึง 2 ชั่วโมงเพื่อจะได้ลองดมกลิ่นและถ่ายภาพเซลฟีกับดอกไม้ที่มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใครนี้
เบรตต์ ซัมเมอร์เรลล์ หัวหน้าทีมนักวิทยาศาสตร์ประจำสวนพฤกษศาตร์แห่งนี้ อธิบายธรรมชาติของกลิ่นไม่น่าดมแต่ดึงดูดผู้คนให้มาสัมผัสอย่างใกล้ชิดนี้ว่า การที่ดอกบุกยักษ์ส่งกลิ่นเหม็นเหมือนซากศพออกมานี้ก็เพื่อล่อแมลงวัน และด้วงบางชนิด เช่น ด้วงดำ และแมลงอื่น ๆ ที่ชอบวางไข่ในซากศพต่าง ๆ เข้ามาช่วยผสมเกสรให้นั่นเอง
ดอกซากศพนี้เป็นดอกไม้ที่ใหญ่ที่สุดและเหม็นที่สุดในโลก โดยจะบานอยู่เพียง 24 ชั่วโมงเท่านั้น ก่อนจะโรยไป ทำให้การเข้ามาชมและดมดอกไม้ประหลาดนี้มาพร้อมกับเวลาที่จำกัดจนคนต้องแห่กันมาเห็นให้ได้
นิโคล ไวเนอร์ คือ คนหนึ่งที่ยอมมาเข้าแถวเพื่อรอดมดอกไม้นี้ และบอกกับผู้สื่อข่าวว่า หลังดมดูแล้ว ให้คะแนนความเหม็น 6 เต็ม 10 โดยเปรียบเทียบว่า กลิ่นเหมือนมีอะไรสักอย่างตายอยู่ในบ้าน แต่ไม่รู้ว่าอยู่ตรงไหน หรืออะไรกันแน่ที่ตายแล้วหาซากไม่เจอ
ทีมนักพืชสวนของที่นี่บอกกับรอยเตอร์ว่า สังเกตเห็นว่าดอกบุกยักษ์อาจจะบานตั้งแต่เมื่อ 2-3 สัปดาห์ก่อนหน้านี้ และเริ่มจับตาดูอย่างใกล้ชิดมาตลอด
สำหรับประชาชนที่แห่กันมาดูดอกซากศพซึ่งมีการค้นพบครั้งแรกที่เกาะสุมาตรา ประเทศอินโดนีเซีย หลายคนบอกว่า รู้สึกตื่นเต้นที่จะได้เห็นและดมดอกที่บานเต็มที่ด้วยตนเอง และยืนยันว่า การมาเข้าแถวรอนี้คุ้มค่าเวลาที่เสียไป แม้ว่า กลิ่นที่ออกมาจะไม่ได้หอมหวลเลย แต่ก็น่าประทับใจไม่น้อย
นี่เป็นครั้งที่ 5 ที่สวน Royal Botanic Garden Sydney ได้เห็นดอกซากศพบาน ตั้งแต่ได้พันธุ์ไม้นี้มา โดยก่อนนี้ ก็คือในปี 2010, ปี 2008, ปี 2004 และปี 2006 ซึ่งมีการบานถึง 2 ดอกในปีเดียวกัน
- ที่มา: รอยเตอร์
กระดานความเห็น