ผลไม้ที่มีขายทุกตลาด คนรู้กันน้อยว่าเป็น "สมบัติล้ำค่า" สำหรับผู้หญิงที่ต้องการมีบุตร

4 weeks ago 8
❤️ ARTICLE AD BOX ❤️

ผลไม้ชนิดนี้กำลังออกผลเต็มฤดู มีขายล้นตลาด แต่มีคนรู้กันน้อยมาก ว่าเป็น "สมบัติล้ำค่า" สำหรับผู้หญิงที่ต้องการมีบุตร

พอเข้าฤดูร้อน สีแดงสดของผลไม้ชนิดนี้ก็ปรากฏให้เห็นทั่วทั้งตลาด ซูเปอร์มาร์เก็ต และแผงขายของริมทาง ไม่เพียงแต่อร่อย หวาน และอุดมด้วยคุณค่าทางโภชนาการ แต่ยังมีน้อยคนที่รู้ว่า ผลไม้ชนิดนี้ดีต่อผู้หญิงที่กำลังวางแผนมีบุตรอีกด้วย

ผลไม้ชนิดนั้นก็คือ "ลิ้นจี่" ผลสีแดง เปลือกหยาบ เนื้อสีขาวฉ่ำน้ำและหวานหอม ลิ้นจี่อุดมไปด้วยสารอาหารมากมาย เช่น วิตามิน C, วิตามิน B1, B2, B3, B6, โฟเลต, โพแทสเซียม, แมกนีเซียม, ฟอสฟอรัส, ธาตุเหล็ก, ทองแดง, แมงกานีส, สังกะสี, แคลเซียม, โปรตีน, ใยอาหาร, น้ำตาลธรรมชาติ และโพลีฟีนอล

นอกจากนี้ ยังมีกรดอินทรีย์อย่างกรดซิตริกและกรดมาลิก รวมถึงสารต้านอนุมูลอิสระหลายชนิด ด้วยคุณค่าทางโภชนาการที่หลากหลาย หากรับประทานอย่างเหมาะสม ลิ้นจี่ไม่เพียงดีต่อสุขภาพโดยรวม แต่ยังอาจช่วยส่งเสริมกระบวนการเจริญพันธุ์และการตั้งครรภ์ได้อีกด้วย

HONG SON

ทำไมการกินลิ้นจี่จึงดีต่อผู้หญิงที่ต้องการมีบุตร?

ตามหลักแพทย์แผนจีน ลิ้นจี่มีรสหวาน ออกฤทธิ์อุ่น ช่วยบำรุงตับ ม้าม และไต มีสรรพคุณบำรุงเลือด เพิ่มความอบอุ่นให้ร่างกาย โดยเฉพาะเหมาะกับผู้หญิงที่มีภาวะ “มดลูกเย็น” ซึ่งอาจเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้การตั้งครรภ์ยากขึ้น

ประโยชน์เด่นของลิ้นจี่ ได้แก่

  • เพิ่มพลังหยาง ทำให้มดลูกอบอุ่น
    ผู้หญิงที่มีอาการมือเท้าเย็น หน้าท้องเย็น ประจำเดือนมีสีคล้ำ มักเข้าข่ายขาดพลังหยางหรือมีมดลูกเย็น การรับประทานลิ้นจี่ในปริมาณพอเหมาะสามารถช่วยเพิ่มความอบอุ่นจากภายใน ร่างกายไหลเวียนเลือดดีขึ้น โดยเฉพาะบริเวณอุ้งเชิงกรานและมดลูก ช่วยสร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมต่อการฝังตัวของไข่
  • บำรุงเลือด หล่อเลี้ยงมดลูก
    ในศาสตร์แพทย์แผนจีน เลือดคือพลังชีวิตที่หล่อเลี้ยงมดลูกและมีผลโดยตรงต่อความสามารถในการตั้งครรภ์ ลิ้นจี่มีส่วนช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือด เหมาะสำหรับคนที่เลือดลมอ่อนแรง เหนื่อยง่าย หน้าเหลืองซีด เมื่อเลือดไหลเวียนดี มดลูกจะได้รับการหล่อเลี้ยงเพียงพอ ประจำเดือนจะมาสม่ำเสมอ และช่วยให้ตั้งครรภ์ได้ง่ายขึ้น
  • ปรับสมดุลอารมณ์ ช่วยควบคุมฮอร์โมน
    ลิ้นจี่ยังมีส่วนช่วยในการผ่อนคลายความเครียดและปรับสมดุลฮอร์โมน ซึ่งเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญในการเสริมโอกาสในการตั้งครรภ์อย่างเป็นธรรมชาติ

ความเครียดและความกดดันทางจิตใจอาจส่งผลกระทบต่อรอบการตกไข่ได้ ในทางแพทย์แผนจีน ลิ้นจี่ซึ่งมีรสหวานตามธรรมชาติและมีผลต่อการทำงานของตับ ช่วยปรับสมดุลพลังงานของตับ ทำให้จิตใจผ่อนคลาย อารมณ์มั่นคง ซึ่งส่งผลให้ฮอร์โมนสืบพันธุ์ทำงานได้เป็นปกติ และเอื้อต่อกระบวนการปฏิสนธิให้ราบรื่นยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ ลิ้นจี่ยังอุดมด้วยวิตามิน C โพแทสเซียม และสารต้านอนุมูลอิสระอย่างโพลีฟีนอล ซึ่งช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน กระตุ้นระบบย่อยอาหาร ส่งเสริมการนอนหลับ และลดความเหนื่อยล้า ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นปัจจัยสำคัญในการเตรียมร่างกายให้พร้อมสำหรับการตั้งครรภ์อย่างแข็งแรง

Yuan Cao

ข้อควรระวังในการกินลิ้นจี่ เพื่อไม่ให้เกิดผลเสียต่อร่างกาย

แม้ว่าลิ้นจี่จะมีประโยชน์มาก แต่ก็จัดอยู่ในกลุ่มผลไม้ที่มีฤทธิ์ร้อนและมีน้ำตาลสูง ดังนั้นควรใส่ใจเรื่องการบริโภค ดังนี้

  • อย่ากินมากเกินไป ปริมาณที่เหมาะสมคือประมาณ 100–150 กรัมต่อวัน แม้จะชอบแค่ไหนก็ควรจำกัดไม่เกิน 300 กรัมต่อวัน และไม่ควรกินในปริมาณมากครั้งเดียว
  • ผู้ที่มีธาตุร้อนหรือเป็นเบาหวาน ควรยิ่งระวังและกินน้อยลง รวมถึงผู้ที่มีน้ำหนักเกินหรืออยู่ในช่วงควบคุมน้ำหนักก็ไม่ควรกินมาก เด็กๆ ก็ต้องดูแลเป็นพิเศษ
  • อย่ากินเปลือกหรือเมล็ด และหลีกเลี่ยงลิ้นจี่ที่เริ่มเน่า มีเชื้อรา หรือมีกลิ่นผิดปกติ
  • ควรกินอาหารช่วยลดความร้อนร่วมด้วย เช่น ถั่วเขียว ชาเขียว น้ำผึ้งผสมน้ำอุ่นจางๆ หรือผลไม้เย็นอย่างแตงโมหรือสาลี่ เพื่อช่วยปรับสมดุลร่างกาย
  • ควรลองกินในปริมาณเล็กน้อยก่อน เพื่อตรวจสอบว่ามีอาการแพ้หรือไม่ หากเคยมีประวัติแพ้ลิ้นจี่ ควรหลีกเลี่ยงโดยเด็ดขาด หากหลังจากรับประทานมีอาการ เช่น คอแห้ง ร้อนใน ปากเป็นแผล ท้องผูก หรือเลือดกำเดาไหล ควรหยุดกินทันที ดื่มน้ำให้มากขึ้น และปรึกษาแพทย์หากอาการไม่ดีขึ้น
  • ไม่ควรกินขณะท้องว่างหรือดึกมาก เพราะอาจทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดพุ่งสูงอย่างรวดเร็ว แน่นท้อง นอนไม่หลับ หรือคลื่นไส้ได้

สำหรับผู้หญิงที่มีแผนจะตั้งครรภ์ นอกจากข้อควรระวังข้างต้นแล้ว ต้องเข้าใจว่าลิ้นจี่ไม่ใช่ “ยาวิเศษ” ที่จะช่วยให้ตั้งครรภ์ทันที และไม่สามารถใช้แทนยา หรือวิธีรักษาทางการแพทย์ได้ แต่ลิ้นจี่เป็นเพียงตัวช่วยเสริมที่ดี หากกินอย่างเหมาะสม ควบคู่กับการใช้ชีวิตอย่างสมดุล และมีเพศสัมพันธ์อย่างเหมาะสม

ในกรณีที่มีภาวะสุขภาพเฉพาะ เช่น ถุงน้ำในรังไข่ (PCOS) รอบเดือนผิดปกติ หรือพยายามมีบุตรมานานแต่ไม่สำเร็จ ควรปรึกษาสูตินรีแพทย์ หรือผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการก่อนตัดสินใจเพิ่มลิ้นจี่เข้าในเมนูประจำวัน

Read Entire Article