มองย้อนสงครามในยูเครน: ปีแห่งสิ่งพลิกผันและความหวังเรื่องสันติภาพ

5 days ago 5
❤️ ARTICLE AD BOX ❤️

ตลอดปี 2024 สงครามในยูเครนเผชิญจุดพลิกผันหลายครั้ง เช่นการรุกของรัสเซีย และการโต้กลับที่แผ่วลงของยูเครน แต่ในเวลาต่อมาอาวุธที่ทันสมัยจากตะวันตก ช่วยให้ยูเครนมีอำนาจต่อรองมากขึ้น หากเกิดการเจรจาสันติภาพ

แต่ก็ยังมีความไม่เเน่นอนที่เพิ่มขึ้นมาจากการเปลี่ยนผู้นำประเทศของสหรัฐฯ จากโจ ไบเดน มาเป็นโดนัลด์ ทรัมป์ในเดือนหน้านี้

ในสนามรบ เมื่อต้นปีนี้ยูเครนสามารถกลับมายึดคืนพื้นที่ของฝ่ายตนในเขตเคอร์ซอนและคาร์คีฟ แต่ในเวลาต่อมาความหวังของรัฐบาลเคียฟลดลงเมื่ออาวุธจากโลกตะวันตกไม่ได้หลั่งไหลเข้ามาช่วยอย่างรวดเร็วเท่าใดนัก

การจัดสรรงบประมาณ 60,000 ล้านดอลลาร์ที่รัฐบาลไบเดนเสนอ ประสบความล่าช้าในกระบวนการของรัฐสภา แต่ในที่สุดก็ผ่านการพิจารณาของฝ่ายนิติบัญญัติเมื่อเดือนเมษายนปีนี้

เเม้ว่ารัสเซียจะมีทหารบาดเจ็บและเสียชีวิตจำนวนมาก แต่กองทัพมอสโกยังคลลุยบุกต่อไป โดยควบคุมพื้นที่ 2,700 ตารางกิโลเมตรทางตะวันออกของยูเครนได้

ในเวลาเดียวกันกองทัพเคียฟประสบความสำเร็จในการผลักให้ฝ่ายมอสโกถอยเข้าไปในเขตเคิร์สก์ทางฝั่งของรัสเซียเอง และสามารถยึดพื้นที่รัสเซีย ที่มีขนาด 1,200 ตารางกิโลเมตรและหมู่บ้าน 93 แห่ง

มาร์ค วอยเกอร์ นักวิจัยอาวุโสแห่ง Center for European Analysis กล่าวว่า ยูเครนไม่สามารถรักษาความสามารถในการบุกอย่างที่เคยทำได้เมื่อปี 2023 "โลกตะวันตกน่าจะช่วยได้มากกว่านี้มาก" วอยเกอร์กล่าว

ในปีนี้เช่นกัน ประธานาธิบดียูเครนโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี สามารถทำให้เกิดการประชุมสุดยอด Ukraine Peace Summit ที่มีผู้แทนจาก 101 ประเทศและองค์กรต่าง ๆ เข้าร่วมที่ประเทศสวิตเซอร์เเลนด์

เขากล่าวในตอนนั้นว่า "ยูเครนเชื่อเสมอในเรื่องพลังแห่งการทูต สงครามไม่ใช่สิ่งที่เราเลือก มันเป็นสิ่งที่ปูตินเลือก เราจะทำทุกอย่างที่ทำได้เพื่อเริ่มเดินเข้าสู่สันติภาพที่เเท้จริง"

อย่างไรก็ตามรัสเซียไม่ได้ส่งตัวเเทนร่วมประชุมครั้งนั้น และทางตันยังคงดำเนินต่อไป

ทั้งนี้หลังจากที่สหรัฐฯ จัดการเลือกตั้งประธานาธิบดี เมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ชาวยูเครนมองว่าชัยชนะของทรัมป์เป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญ

บางคนกังวลว่าการที่ทรัมป์สัญญาที่จะช่วยให้สงครามจบลงโดยเร็ว การการเรียกร้องของเขาให้มีการหยุดยิง อาจหมายความว่ายูเครนจะถูกกดดันให้ยอมต่อข้อเรียกร้องมากกว่าที่รัฐบาลเคียฟต้องการ

เยฟเชน ฮาลิโบวิตสกี ผู้อำนวยการและผู้ร่วมก่อตั้งองค์กร Frontier Institute กล่าวว่า จากนี้ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ และยูเครนจะเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์และการต่อรองกัน

"ดูเหมือนว่านโยบายต่างประเทศของสหรัฐฯ จะมีความเป็นเกมมากขึ้นโดยที่อยู่ภายใต้มุมมองว่าหากฝ่ายหนึ่งได้ประโยชน์และอีกฝ่ายจะเสียประโยชน์" ฮาลิโบวิตสกีกล่าว

ชาวยูเครนกังวลด้วยว่าถ้าประเทศตะวันตกไม่การันตีด้านความมั่นคงให้กับยูเครน สันติภาพที่ยั่งยืนจะเกิดยากมากขึ้น

มาร์ค วอยเกอร์ แห่ง Center for European Analysis กล่าวว่า "ทางออกในอุดมคติก็คือยูเครนได้รับการฟื้นฟูด้านอธิปไตย เเต่ในเวลานี้โดยเฉพาะในช่วงเดือนแห่งความหนาวเย็นนี้ มันยากมากที่จะเกิดขึ้น.... ที่น่าจะเป็นไปได้ก็คือการปกป้องดินเเดนให้ได้มากที่สุด และยูเครนเรียกร้องต่อไปให้ได้เป็นสมาชิกนาโต้และสหภาพยุโรป"

ความเหนื่อยหน่ายกับสงครามมีมากขึ้นในปีนี้ เมื่อโลกตะวันตกได้รับผลกระทบจากเงินเฟ้อและเศรษฐกิจชะลอตัว ที่ถูกมองว่าเป็นผลของสงครามในยูเครนและมาตรการลงโทษต่อการส่งออกพลังงานของรัสเซีย

นอกจากนั้นรัสเซียยังได้รับความช่วยเหลือจากทหารเกาหลีเหนือในสงครามครั้งนี้ ขณะที่อัตราการละทิ้งหน้าที่ในหมู่ทหารยูเครนเพิ่มขึ้น

ในเวลานี้รัฐาลเคียฟส่งสัญญาณเปิดรับการเจรจามากขึ้น ส่วนรัสเซียยังไม่ได้ความตั้งใจที่จะเห็นสงครามยุติลงมากเท่าใดนัก

  • ที่มา: วีโอเอ

กระดานความเห็น

Please enable JavaScript to view the comments powered by Disqus.
Read Entire Article