มอร์แกน สเเตนลีย์ ลดการคาดการณ์จีดีพีสหรัฐฯ

สถาบันการเงิน มอร์แกน สเเตนลีย์ ลดการคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจปีนี้ของสหรัฐฯ ในวันศุกร์ โดยอ้างถึงผลกระทบที่รุนเเรงขึ้นจากมาตรการภาษีและตลาดเเรงงานที่ตึงตัว ซึ่งอาจทำให้เงินเฟ้อขยับขึ้น

รายงานของมอร์เเกน สเเตนลีย์ นำโดยนักวิเคราะห์ไมเคิล กาเพน กล่าวว่า "มาตรการภาษีที่ขยายวงและมาเร็วกว่าที่คิดส่งผลออกมาเป็นอัตราการขยายตัวที่อ่อนลงปีนี้"

สถาบันการเงินแห่งวอลล์สรีตแห่งนี้เคยคาดว่าเศรษฐกิจอเมริกันไตรมาสที่ 4 จะขยายตัว 1.9% แต่ ณ เวลานี้ได้ปรับลดประมาณการณ์มาอยู่ที่ 1.5%

ส่วนการขยายตัวของจีดีพีปีหน้าของสหรัฐฯ มอร์เเกน สเเตนลีย์ปรับการพยากรณ์ลงมาเป็น 1.2% จาก 1.3%

รายงานระบุด้วยว่านโยบายภาษีของทรัมป์น่าจะทำให้เงินเฟ้อสูงขึ้น และเพิ่มเเรงกดดันต่อระบบธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือเฟด ให้พยายามหาทางควบคุมแรงกดดันจากเงินเฟ้อที่มีต่อเนื่อง

แต่มอร์แกน สเเตนลีย์ ยังคงคาดว่าเฟดจะลดดอกเบี้ย 0.25% ภายในเดือนมิถุนายน

กาเพนกล่าวว่า "เราคิดว่าในที่สุดแล้วตลาดจะได้เห็นการลดดอกเบี้ย แต่มันอาจจะมาช้ากว่าที่คาดคิด" โดยเขาหมายถึงความคาดหมายที่ว่าอาจมีการลดดอกเบี้ยโดยเฟด 3 ครั้งปีนี้

ขณะเดียวกันโกลด์แมน เเซคส์ สถาบันเงินอีกแห่งหนึ่งปรับลดการประเมินของจีดีพีสหรัฐฯ ในไตรมาสที่ 4 จากขยายตัว 2.2% มาเป็น 1.7% นอกจากนั้นยังชี้ว่าความเป็นไปได้ที่จะเกิดเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐฯ เพิ่มจาก 15% เป็น 20%

• ที่มา: รอยเตอร์