รีบปัสสาวะทันทีอาจไม่ดี! แพทย์เผย "ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการปัสสาวะ" เพื่อสุขภาพกระเพาะปัสสาวะที่ดียิ่งขึ้น
ผู้ที่เคยประสบปัญหาการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ มักจดจำคำแนะนำจากแพทย์ว่า "อย่ากลั้นปัสสาวะ" และอาจพัฒนานิสัย "ปวดปัสสาวะเมื่อไรก็รีบไปทันที"
แต่คุณหมอโหวเจิ้นปัง ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบทางเดินปัสสาวะ เปรียบกระเพาะปัสสาวะกับหลอดยาสีฟัน โดยแนะนำว่าการกลั้นปัสสาวะในระดับเหมาะสม รอให้รู้สึกว่ากระเพาะปัสสาวะเต็มประมาณ 70% แล้วจึงปัสสาวะ จะช่วยให้กระเพาะปัสสาวะทำงานได้ดียิ่งขึ้น และลดโอกาสเกิดการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ ขณะที่การปัสสาวะทันทีเมื่อมีปริมาณน้อย อาจเพิ่มภาระให้กระเพาะปัสสาวะแทน
หมอโหวเจิ้นปังโพสต์ให้ความรู้ในเพจสุขภาพล้ำหน้า กับหมอโหวเจิ้นปัง ผู้เชี่ยวชาญระบบทางเดินปัสสาวะ โดยเผยว่าในระหว่างการตรวจรักษา เขามักแนะนำให้ผู้ป่วย "ฝึกกลั้นปัสสาวะ" แทนที่จะปัสสาวะทันทีที่รู้สึกปวด แม้คำแนะนำนี้จะฟังดูขัดกับสัญชาตญาณ และแตกต่างจากสิ่งที่ครูสอนสุขศึกษาตั้งแต่เด็ก ทำให้ผู้ป่วยหลายคนมักแสดงความสงสัยออกมา
หมอโหวเจิ้นปัง อธิบายว่า เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับสรีรวิทยาที่ซับซ้อนของกระเพาะปัสสาวะ และกลไกการทำงานของทางเดินปัสสาวะ โดยเปรียบกระเพาะปัสสาวะกับหลอดยาสีฟัน และตั้งคำถามว่า “หลอดยาสีฟันที่เต็มหรือเกือบหมด อันไหนบีบง่ายกว่า?”
คำตอบชัดเจนว่าหลอดที่เต็มง่ายกว่า เช่นเดียวกับกระเพาะปัสสาวะ เมื่อปัสสาวะในช่วงที่กระเพาะปัสสาวะเต็มพอเหมาะ จะช่วยให้การทำงานของกระเพาะปัสสาวะเป็นไปอย่างราบรื่น ในทางกลับกัน หากรีบปัสสาวะในปริมาณเล็กน้อยบ่อยๆ กลับจะเพิ่มภาระให้กระเพาะปัสสาวะแทน
ทำไมการปัสสาวะเมื่อกระเพาะปัสสาวะเต็มประมาณ 70% จึงเป็นเวลาที่เหมาะสมที่สุด?
หมอโหวเจิ้นปัง อธิบายว่า ในช่วงนี้ความดันภายในกระเพาะปัสสาวะจะพอดี เปรียบเสมือน "โซนทองคำ" ของความตึงของผนัง
หากปัสสาวะมีปริมาณน้อยแล้วรีบไปปัสสาวะจะเพิ่มภาระให้กระเพาะปัสสาวะ เนื่องจากผนังกระเพาะปัสสาวะไม่ได้ถูกยืดออกอย่างเต็มที่ กล้ามเนื้อเบ่งปัสสาวะจึงต้องทำงานหนักขึ้นเพื่อขับปัสสาวะออกให้หมด
นอกจากนี้ การปัสสาวะบ่อยๆ ในปริมาณน้อยจะทำให้ความยืดหยุ่นของกระเพาะปัสสาวะลดลง และความสามารถในการเก็บปัสสาวะลดลง ซึ่งอาจนำไปสู่ปัญหาปัสสาวะบ่อยในที่สุด