รู้ทัน “มะเร็งไต” โรคร้ายที่พบไม่บ่อย แต่ไม่ควรมองข้าม ใครบ้างเข้าข่ายกลุ่มเสี่ยง ปัจจัยเสี่ยงมีอะไรบ้าง?
ไต เป็นอวัยวะสำคัญในระบบทางเดินปัสสาวะ มีหน้าที่ขจัดของเสีย ควบคุมสมดุลน้ำในร่างกาย และผลิตฮอร์โมน เมื่อไตทำงานผิดปกติ ย่อมส่งผลกระทบต่อร่างกายหลายด้าน หนึ่งในโรคที่ร้ายแรงคือ “มะเร็งไต” ซึ่งแม้จะพบไม่บ่อยเท่ามะเร็งชนิดอื่น แต่ก็ไม่ควรมองข้าม
มะเร็งไตคืออะไร?
มะเร็งไตคือการเจริญเติบโตผิดปกติของเซลล์ภายในไต ก่อตัวเป็นก้อนเนื้อที่สามารถลุกลามได้ มะเร็งไตแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก ได้แก่:
-
Renal Cell Carcinoma (RCC) พบมากที่สุด ราว 90% ของผู้ป่วย
-
Transitional Cell Carcinoma (TCC) พบประมาณ 5–10% เกิดในกรวยไต
ปัจจัยเสี่ยงที่ควรระวัง
แม้สาเหตุแน่ชัดยังไม่ทราบ แต่มีปัจจัยหลายอย่างที่เพิ่มความเสี่ยง ได้แก่:
-
อายุ 50–70 ปี
-
เพศชายมีความเสี่ยงมากกว่าหญิง
-
การสูบบุหรี่ (คิดเป็น 1 ใน 3 ของผู้ป่วย)
-
โรคอ้วน ความดันโลหิตสูง
-
มีประวัติไตวายเรื้อรังและฟอกไตระยะยาว
-
พันธุกรรมและมีคนในครอบครัวเคยป่วย
-
การสัมผัสสารเคมี เช่น แร่ใยหิน แคดเมียม
อาการที่ควรเฝ้าระวัง
อาการของโรคมะเร็งไต มักไม่แสดงอาการเด่นชัด ทำให้ผู้ที่เป็นมะเร็งไตจะไม่ทราบว่าตนเองเป็น โดยส่วนมากผู้ป่วยจะบังเอิญตรวจเจอจากการตรวจสุขภาพประจำปี อาการของมะเร็งไต สามารถแยกได้เป็น 2 ประเภท
1.อาการที่เกิดขึ้นในมะเร็งที่เกิดจากเนื้อไต ในระยะแรกๆ จะไม่มีอาการ จึงมักจะตรวจพบได้จากการตรวจสุขภาพประจำปี เช่น การตรวจอัลตร้าซาวด์ ช่องท้อง แต่หากก้อนมะเร็งเริ่มขยายใหญ่ มักจะมีอาการ โดยผู้ป่วยสามารถคลำเจอก้อนเนื้อ หรือมีอาการปวด โดยอาการปวดมักเป็นบริเวณเอว หรือท้องบริเวณใต้ชายโครงด้านใดด้านหนึ่ง บางรายอาจมีปัสสาวะเป็นเลือดร่วมด้วย
2.อาการที่เกิดขึ้นในมะเร็งที่เกิดจากกรวยไต มักจะมีปัสสาวะเป็นเลือด โดยสามารถสังเกตเห็นได้ด้วยตาเปล่า หรือตรวจเจอเม็ดเลือดแดงในน้ำปัสสาวะจากการส่งตรวจน้ำปัสสาวะทางห้องปฏิบัติการ
ความผิดปกติที่ต้องรีบพบแพทย์
-
ปัสสาวะมีเลือดปน (สีชมพู แดง หรือน้ำตาล)
-
ปวดบั้นเอวหรือบริเวณชายโครง
-
คลำพบก้อน
-
อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร น้ำหนักลด
-
มีไข้เรื้อรังโดยไม่ทราบสาเหตุ
การวินิจฉัย
แพทย์จะตรวจสอบจากอาการ ประวัติสุขภาพ และใช้เครื่องมือทางการแพทย์ เช่น:
-
ตรวจเลือดและปัสสาวะ
-
อัลตราซาวด์, CT Scan, MRI
-
ตรวจชิ้นเนื้อกรณีภาพตรวจไม่ชัดเจน
-
ตรวจเพิ่มเติมเพื่อดูการกระจาย เช่น เอกซเรย์ทรวงอก สแกนกระดูก
ระยะของมะเร็งไต
-
ระยะที่ 1: ก้อนมะเร็งไม่เกิน 7 ซม. ยังไม่ลุกลาม
-
ระยะที่ 2: ก้อนมะเร็งเกิน 7 ซม. ยังไม่ลุกลาม
-
ระยะที่ 3: เซลล์มะเร็งเริ่มลุกลามไปยังเนื้อเยื่อใกล้เคียง
-
ระยะที่ 4: ลุกลามสู่ต่อมน้ำเหลือง กระดูก ตับ หรือปอด
แนวทางการรักษา
1. การผ่าตัด
-
Radical Nephrectomy: ตัดไตข้างหนึ่งออกทั้งหมด
-
Partial Nephrectomy: ตัดเฉพาะก้อนเนื้อออก โดยคงไตบางส่วนไว้
สามารถทำได้ 2 แบบ:
-
การผ่าตัดเปิดหน้าท้องแบบดั้งเดิม
-
การผ่าตัดส่องกล้อง/แขนกล (Robotic Surgery): เจ็บน้อย แผลเล็ก ฟื้นตัวเร็ว ลดความเสี่ยงแทรกซ้อน
2. ภูมิคุ้มกันบำบัด (Immunotherapy)
กระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันให้ต่อสู้กับเซลล์มะเร็ง ใช้ได้ดีในบางราย
3. การรักษาแบบจำเพาะเจาะจง (Targeted Therapy)
ใช้ยาที่มุ่งเป้าเฉพาะเซลล์มะเร็ง เหมาะสำหรับมะเร็งที่ลุกลาม
4. เคมีบำบัด (Chemotherapy)
ใช้ในผู้ป่วยบางราย โดยเฉพาะเมื่อมะเร็งกระจาย
การป้องกันที่ทำได้
-
หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่
-
รักษาน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์
-
ควบคุมความดันโลหิต
-
ตรวจสุขภาพประจำปี
-
ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
-
หลีกเลี่ยงการสัมผัสสารพิษ
สรุป
แม้มะเร็งไตจะไม่ใช่มะเร็งที่พบได้บ่อยที่สุด แต่ก็เป็นโรคร้ายที่อันตรายและต้องรับมืออย่างทันท่วงที หากตรวจพบตั้งแต่ระยะเริ่มต้น โอกาสในการรักษาหายมีสูง อย่าลืมตรวจสุขภาพสม่ำเสมอ เพราะการ “รู้เร็ว รักษาเร็ว” คือกุญแจสำคัญ