หมอเผยเคส เด็กหญิงวัย 5 ปี ปากเบี้ยว ใบหน้าเป็นอัมพาต เพราะพฤติกรรมของพ่อแม่ในฤดูหนาว
เมื่อไม่นานมานี้ แพทย์ในจังหวัดนิญถ่วน ประเทศเวียดนาม ได้รับเคสเด็กหญิงวัย 5 ปี ที่ประสบภาวะอัมพาตใบหน้า ส่งผลให้ปากเบี้ยวและหลับตาไม่สนิทเหมือนปกติ
แพทย์ระบุว่าสาเหตุมาจากพฤติกรรมที่พบได้บ่อยในผู้ปกครองหลายคน คือ การให้เด็กนั่งด้านหน้ารถจักรยานยนต์ในฤดูหนาวโดยไม่ป้องกันความหนาวเย็นอย่างเพียงพอ หรือไม่ได้ระวังลมเย็นที่ปะทะเด็กในระหว่างการเดินทาง
แพทย์ยังแนะนำว่า ในวันที่อากาศหนาวเย็น ผู้ปกครองไม่ควรให้เด็กเล็กนั่งหน้ารถจักรยานยนต์ ควรให้เด็กนั่งด้านหลังและป้องกันลมอย่างเหมาะสม รวมถึงสวมเสื้อผ้าที่อบอุ่น หลีกเลี่ยงการให้เด็กนอนใกล้เครื่องปรับอากาศหรือพัดลม
เมื่อออกนอกบ้าน ควรให้เด็กใส่หน้ากากอนามัยที่หนาและสวมหมวกเพื่อป้องกันความหนาวเย็นอย่างเต็มที่
สิ่งที่ผู้ปกครองควรระวังเพื่อปกป้องสุขภาพลูกในช่วงอากาศหนาว
สิ่งที่น่ากังวลยิ่งกว่านั้นคือ ผู้ปกครองบางคนเมื่อพบว่าลูกมีอาการปากเบี้ยวหรือใบหน้าอัมพาต กลับเลือกใช้วิธีรักษาที่ไม่ได้รับการยืนยันความปลอดภัย เช่น การใช้เลือดปลาไหล หรือให้เด็กกินวิตามิน 3B ซึ่งเป็นยาที่ห้ามใช้ในเด็กอายุต่ำกว่า 12 ปี วิธีเหล่านี้ไม่เพียงไม่มีประสิทธิภาพในการรักษา แต่ยังเสี่ยงทำให้เกิดอันตรายร้ายแรงต่อเด็ก
แพทย์จึงแนะนำว่า หากเด็กมีอาการอัมพาตใบหน้า ผู้ปกครองควรพาเด็กไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลหรือคลินิกเฉพาะทางทันที เพื่อรับคำปรึกษาและการรักษาที่ถูกต้อง
วิธีดูแลลูกในช่วงอากาศหนาว
- สวมใส่เสื้อผ้าให้เหมาะสม – ให้เด็กใส่เสื้อผ้าที่อบอุ่นเพียงพอและป้องกันลมหนาว
- ป้องกันการสัมผัสลมเย็นโดยตรง – หลีกเลี่ยงการให้เด็กนั่งหน้ารถจักรยานยนต์ และควรใช้ผ้าห่มหรืออุปกรณ์กันลม
- จัดสภาพแวดล้อมในบ้านให้เหมาะสม – หลีกเลี่ยงการใช้เครื่องปรับอากาศหรือพัดลมในขณะเด็กนอน
- ปกป้องร่างกายเมื่อออกนอกบ้าน – ให้เด็กใส่หน้ากากอนามัยที่หนา สวมหมวก และถุงมือ
การปฏิบัติเหล่านี้ช่วยลดความเสี่ยงจากอากาศหนาวเย็นและป้องกันปัญหาสุขภาพที่จะตามมา
ข้อควรปฏิบัติในช่วงอากาศหนาว
รศ.นพ.ฟาน ฮุย เกวียด หัวหน้าหน่วยแพทย์แผนโบราณและการฟื้นฟูสมรรถภาพ โรงพยาบาลทั่วไป จังหวัดฟู้เถาะ ได้แนะนำแนวทางในการป้องกันโรคในช่วงอากาศเย็น ดังนี้
-
รักษาความอบอุ่นบริเวณศีรษะ ใบหน้า และลำคอ – บริเวณเหล่านี้เป็นจุดที่เสี่ยงต่อการสัมผัสความเย็นโดยตรง ควรสวมผ้าพันคอ หมวก และหน้ากากอนามัย
-
หลีกเลี่ยงการเปิดประตูหรือหน้าต่างอย่างกะทันหัน – การทำเช่นนั้นอาจทำให้ลมเย็นกระแทกใบหน้าและส่งผลต่อสุขภาพ
-
หลีกเลี่ยงการนั่งใกล้หน้าต่างในช่วงกลางคืน – โดยเฉพาะในคืนที่ลมแรง เพื่อป้องกันการสัมผัสลมเย็นโดยไม่จำเป็น
-
ลดการออกนอกบ้านในช่วงค่ำหรือกลางคืน – หากจำเป็นต้องออกไป ควรสวมใส่เสื้อผ้าอบอุ่น พันผ้าพันคอ และสวมหมวกอย่างเหมาะสม รวมถึงใช้เวลาอยู่นอกบ้านให้น้อยที่สุด
-
ดูแลความอบอุ่นให้เด็กเมื่อเดินทางไกล – ควรปกปิดบริเวณขากรรไกรด้วยผ้าพันคอหรือหน้ากากอนามัย และหลีกเลี่ยงการให้เด็กนั่งบริเวณหน้ารถจักรยานยนต์
-
ระมัดระวังเมื่ออาบน้ำให้เด็ก – ควรเลือกเวลาอาบน้ำในช่วงหัวค่ำ ใช้น้ำอุ่นในการล้างหน้า อาบน้ำ และแปรงฟัน
การปฏิบัติตามคำแนะนำเหล่านี้จะช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคในช่วงอากาศหนาว และรักษาสุขภาพของเด็กและทุกคนในครอบครัวได้อย่างมีประสิทธิภาพ
คำแนะนำการอาบน้ำให้เด็กในช่วงอากาศหนาว
พ่อแม่ควรเลือกเวลาอาบน้ำให้ลูกในช่วงที่อากาศอบอุ่น เช่น
- ช่วงเช้า: เวลา 09.30-10.30 น.
- ช่วงบ่าย: เวลา 13.00-16.00 น.
สำหรับเด็กโต ไม่ควรอาบน้ำหลังเวลา 18.00 น. และควรหลีกเลี่ยงการอาบน้ำในช่วงเช้าตรู่หรือเย็นค่ำ เนื่องจากอาจทำให้เด็กเป็นหวัดหรือมีอาการไข้ได้
ระยะเวลาในการอาบน้ำ:
- เด็กโต: ควรใช้เวลาอาบน้ำเพียง 5-10 นาที
- เด็กทารก: ไม่ควรอาบนานเกิน 2-3 นาที (นับตั้งแต่เริ่มลงน้ำจนออกจากอ่าง)
การอาบน้ำให้เหมาะสมกับช่วงเวลาและระยะเวลาที่เหมาะสม จะช่วยให้เด็กอบอุ่นและปลอดภัยจากอาการเจ็บป่วยในช่วงอากาศเย็น