อิสราเอลอ้างพบสัญญาณภัยคุกคามเพิ่มจากซีเรีย

อิสราเอลอ้างวา ตรวจพบภัยคุกคามที่ยกระดับสูงขึ้นจากซีเรีย หลังเกิดกลุ่มต่อต้านที่เป็นพันธมิตรกับอัลเคดาโค่นและรัฐบาลของประธานาธิบดีบะชาร์ อัล-อัซซาด แสดงสัญญาณความเป็นสายกลางมากขึ้น

อิสราเอล แคตซ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมอิสราเอล กล่าวในวันอาทิตย์ว่า ยังคงมีความเสี่ยงของภัยคุกคามจากซีเรียอยู่ และความเสี่ยงดังกล่าวก็เพิ่มสูงขึ้นหลังเกิดการเปลี่ยนแปลงภายในประเทศนี้ แม้ว่าผู้นำกลุ่มต่อต้านรัฐบาลปธน.อัล-อัซซาดจะนำเสนอภาพลักษณ์ที่โน้มเอียงมาทางสายกลางมากขึ้นก็ตาม อ้างอิงแถลงการณ์จากกระทรวงกลาโหม

และในช่วงสุดสัปดาห์นี้ อิสราเอลได้ทำการโจมตีทางอากาศเข้าใส่ซีเรียหลายสิบครั้ง โดยอ้างเหตุผลเรื่องภัยคุกคามต่อความมั่นคง

อาห์หมัด อัล-ชารา ผู้นำซีเรียโดยพฤตินัย กล่าวเมื่อวันเสาร์ว่า อิสราเอลใช้ประเด็นดังกล่าวเป็นข้ออ้างในการโจมตีซีเรีย และระบุว่า ตนไม่สนใจที่จะสร้างความขัดแย้งรอบใหม่ขึ้น เพราะต้องการมุ่งเน้นเรื่องการฟื้นฟูประเทศก่อน

ชารา นั้นเป็นที่รู้จักกันในชื่อ อาบู โมฮัมเหม็ด อัล-กอลานี และเป็นผู้นำกลุ่มแข็งข้อต่อต้าน ฮายัต ทาห์เรีย อัล-ชาม หรือ HTS ที่โค่นอัล-อัซซาดลงจากอำนาจเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

เจ้าหน้าที่กองทัพอิสราเอลร่วมปฏิบัติการตามแนวชายแดนที่ติดกับซีเรีย ดังในภาพที่กองทัพฯ เผยแพร่ออกมาเมื่อ 13 ธ.ค. 2567 (Israel Defense Forces/Handout via Reuters)

นับตั้งแต่หลุดจากอำนาจของอัซซาด อิสราเอลได้เคลื่อนพลเข้าไปในเขตปลอดทหารภายที่ซีเรียสร้างขึ้นหลังสงครามอาหรับ-อิสราเอลในปี 1973 ยุติล และกองกำลังอิสราเอลยังได้เข้ายึดพื้นที่ตั้งทางทหารของซีเรียที่ถูกทิ้งร้างด้วย

กองทัพอิสราเอลซึ่งยืนยันว่า ไม่ได้ตั้งใจจะคงกำลังไว้ในพื้นที่ดังกล่าวและระบุว่า ปฏิบัติการนี้เป็นเพียงมาตรการชั่วคราวแบบจำกัดที่มุ่งหวังรับประกันความมั่นคงปลอดภัยตามแนวชายแดนของตนเท่านั้น ได้ทำการโจมตีเข้าใส่คลังอาวุธของซีเรียไปหลายร้อยครั้งแล้วด้วย

ขณะเดียวกัน ประเทศอาหรับหลายประเทศ ซึ่งรวมถึง ซาอุดีอาระเบียและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ได้ออกมาประณามสิ่งที่ระบุว่าเป็น การยึดครองพื้นที่กันชนในเขตที่ราบสูงโกลันโดยอิสราเอล

ในบทสัมภาษณ์ของชารากับสื่อ ซีเรีย ทีวี (Syria TV) ซึ่งสนับสนุนกลุ่มต่อต้านรัฐบาลอัซซาด ซึ่งมีการตีพิมพ์ทางเว็บไซต์ของสถานี ผู้นำโดยพฤตินัยของซีเรียระบุว่า “สภาพการณ์อันเหนื่อยล้าจากสงครามของซีเรียที่เผชิญความขัดแย้งและสงครามมานานหลายปี ไม่ได้เปิดทางสามารถรับมือกับการเผชิญหน้าครั้งใหม่ใด ๆ ความสำคัญอันดับตั้น ๆ ในเวลานี้คือ การฟื้นฟูและความมั่นคง และไม่ใช่การถูกดึงเข้าไปสู่เหตุการณ์โต้แย้งที่อาจนำไปสู่การทำลายล้างเพิ่มเติมต่อไป”

ชารายังกล่าวด้วยว่า การแก้ปัญหาด้วยการทูตคือ หนทางเดียวที่จะทำให้มั่นใจว่า เกิดความมั่นคงและเสถียรภาพ

• ที่มา: รอยเตอร์