เช็กด้วยตัวเอง "ไตยังแข็งแรงดีไหม?" สังเกต 5 สัญญาณนี้ รู้ปัญหาสุขภาพแต่เนิ่นๆ

3 weeks ago 18
❤️ ARTICLE AD BOX ❤️

เช็กด้วยตัวเอง "ไตยังแข็งแรงดีไหม" แค่สังเกต 5 สัญญาณร่างกาย รู้ได้ว่าเลยถึงเวลาไปพบแพทย์หรือยัง

"ไต" เปรียบเสมือนโรงงานกรองน้ำของร่างกาย ทำงานตลอด 24 ชั่วโมงไม่มีพัก หน้าที่หลักคือกรองของเสียในเลือดและควบคุมสมดุลน้ำ-เกลือแร่ในร่างกาย หากอยากรู้ว่าไตของคุณยังแข็งแรงดีไหม ลองสังเกต 5 สัญญาณต่อไปนี้

1. ปัสสาวะแรกของวัน

  • สีใสเหมือนชามะนาวจาง: ปัสสาวะจากคนที่ไตแข็งแรงจะมีสีใสหรือเหลืองอ่อนคล้ายน้ำเลมอน หากปัสสาวะเข้มเหมือนน้ำชาเข้มหรือน้ำล้างเนื้อ อาจเป็นสัญญาณว่าไตเริ่มมีปัญหาในการกรองของเสีย

  • ฟองละลายเร็ว: หากมีฟองเล็กน้อยแล้วหายไปเร็วถือว่าปกติ แต่ถ้ามีฟองละเอียดคล้ายเบียร์และละลายช้า อาจเป็นสัญญาณของ “โปรตีนในปัสสาวะ” ซึ่งบ่งชี้ว่าไตเริ่มเสียหาย

2. ร่างกายควบคุมของเหลวได้ดี

  • ไม่บวมรอบตา/ข้อเท้า: ไตที่ทำงานดีจะควบคุมปริมาณน้ำในร่างกายได้ดี หากตื่นเช้ามาไม่มีตาบวม และนั่งนาน ๆ แล้วขาไม่บวม ถือว่าเป็นสัญญาณบวก

  • น้ำหนักคงที่: หากไม่ได้ควบคุมอาหารเป็นพิเศษ แต่น้ำหนักเปลี่ยนไม่เกิน 0.5 กก. ต่อวัน แสดงว่าไตกำจัดน้ำส่วนเกินได้ปกติ

3. ผิวพรรณคือกระจกสะท้อนกรด-ด่าง

  • ผิวกระจ่าง ไม่หมอง: ไตที่แข็งแรงจะช่วยขับของเสียได้ดี ผิวจึงดูสดใส ไม่หม่นคล้ำหรือมีฝ้าหนา โดยเฉพาะใบหูหากมีสีชมพูระเรื่อ แสดงถึงพลังไตที่ดี

  • สิวและอาการคันน้อย: ถ้าไตทำงานไม่ทันของเสียจะออกทางผิวหนังแทน ทำให้เกิดผดผื่น สิว หรือคันโดยไม่ทราบสาเหตุ

4. เส้นผมบอกความลับเรื่องพลังชีวิต

  • โคนผมแข็งแรง ไม่ร่วงง่าย: ตามศาสตร์แพทย์แผนจีน ไตที่แข็งแรงจะส่งผลให้ผมดำเงาและไม่หลุดร่วงง่าย ลองดึงผม 5-6 เส้น ถ้าหลุดไม่เกิน 1 เส้น แสดงว่าโคนผมยังแข็งแรงดี

  • เล็บมีรูปพระจันทร์เสี้ยว: บริเวณสีขาวโค้งที่โคนเล็บเป็นตัวสะท้อนการสร้างเลือดจากไขกระดูก หากมีครบ 8-10 เล็บ แสดงว่าการทำงานของไตและไขกระดูกดีมาก

5. ร่างกายมีพลังเหมือนเครื่องยนต์ไม่หมดแรง

  • ไม่เหนื่อยง่าย มีแรงต่อเนื่อง: ไตผลิตฮอร์โมน Erythropoietin ซึ่งช่วยสร้างเม็ดเลือดแดง หากคุณเดินขึ้นบันได 3 ชั้นโดยไม่หอบ ทำงานต่อเนื่อง 3 ชม. โดยไม่เวียนหัว แสดงว่าไตแข็งแรงดี

  • นอนหลับลึก ไม่ตื่นบ่อย: ถ้าหลับง่าย หลับสนิท และไม่ลุกเข้าห้องน้ำกลางดึกเกิน 1 ครั้ง แสดงว่าไตมีความสามารถในการควบคุมการขับน้ำได้ดี

หมั่นสังเกตตัวเอง! หากพบมากกว่า 2 สัญญาณผิดปกติ ควรเริ่มดูแลไตได้แล้ว

 ผู้ป่วยฟอกไต

2 วิธีดูแลไตง่าย ๆ ที่ทำได้ทุกวัน:

  1. ดื่มน้ำอุ่น 2,000 มล. ต่อวัน แบ่งจิบตลอดวัน ไม่ดื่มรวดเดียว

  2. ก่อนนอน ใช้ฝ่ามือนวดบริเวณหลังส่วนล่าง (ตำแหน่งไต) ประมาณ 3 นาที เพื่อกระตุ้นการไหลเวียนโลหิต

5 สัญญาณอันตรายที่ไม่ควรมองข้าม

โรคไตมักส่งสัญญาณเตือนหลายอย่างให้ร่างกายรับรู้ แต่เนื่องจากอาการเหล่านี้ไม่เฉพาะเจาะจง จึงมักถูกละเลยหรือสับสนกับโรคอื่น การตรวจสอบอย่างระมัดระวังจึงเป็นสิ่งจำเป็น หากมีอาการผิดปกติใด ๆ ควรเข้ารับการตรวจยืนยันโดยละเอียด เช่น ตรวจเลือด ปัสสาวะ และเอกซเรย์ภาพถ่าย

แม้การวินิจฉัยโรคไตจะต้องอาศัยการตรวจยืนยัน แต่อาการเบื้องต้นที่สามารถสังเกตได้มีดังนี้:

1. ปัสสาวะบ่อยผิดปกติ

อาการที่สังเกตได้ชัดคือการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมการปัสสาวะ เช่น ปัสสาวะบ่อย โดยเฉพาะในเวลากลางคืน อาจเป็นสัญญาณว่าไตเริ่มมีปัญหาในการกรองของเสีย อาการนี้อาจสัมพันธ์กับโรคต่อมลูกหมากโตหรือการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะด้วย

2. ลักษณะของปัสสาวะเปลี่ยนไป

หากปัสสาวะมีฟองมาก ละเอียด และคล้ายฟองไข่ขาว อาจเป็นสัญญาณของ "โปรตีนในปัสสาวะ" ซึ่งเกิดจากไตกรองโปรตีนรั่วออกมา ปัสสาวะที่มีเลือดหรือขุ่นอาจเป็นผลจากเนื้องอก นิ่วในไต หรือการติดเชื้อที่รุนแรง เช่น กรวยไตอักเสบ

3. พบโปรตีนหรือเลือดในปัสสาวะ

หากปัสสาวะเป็นสีแดงหรือน้ำตาลเข้ม ควรพบแพทย์ทันที เพราะอาจเป็นสัญญาณของโรคไต แนะนำให้ตรวจสุขภาพเป็นประจำทุกปี โดยเฉพาะผู้ที่มีความเสี่ยงสูง เช่น ผู้ป่วยเบาหวานหรือความดันโลหิตสูง

4. ปวดหลังส่วนล่าง

อาการปวดหลังไม่ใช่เรื่องเล็ก หากปวดจากด้านข้างหลัง ลามไปยังบริเวณขาหนีบ หรือมีไข้ร่วมด้วย อาจเป็นสัญญาณของการติดเชื้อที่ไต หากเป็นไตข้างเดียวจะปวดข้างเดียว แต่หากไตทั้งสองข้างมีปัญหา อาจปวดทั้งสองด้าน

5. บวมที่เท้า ข้อเท้า หรือขา

หากไตไม่สามารถขับของเหลือและน้ำส่วนเกินออกจากร่างกายได้ จะทำให้เกิดอาการบวมน้ำ โดยเฉพาะบริเวณขา ข้อเท้า และเท้า อาการบวมที่กดแล้วเป็นรอยยุบ ซึ่งพบได้ในผู้ป่วยไตเรื้อรัง

สิ่งที่ควรรู้เกี่ยวกับโรคไต

  • โรคไตเรื้อรังในระยะแรกมักไม่มีอาการชัดเจน

  • หากไม่ได้รับการรักษา อาจลุกลามจนกลายเป็นไตวาย

  • ตรวจเลือดและปัสสาวะสามารถช่วยวินิจฉัยโรคไตได้อย่างมีประสิทธิภาพ

  • บุคคลหนึ่งอาจไม่แสดงอาการเลยจนกระทั่งไตเสียการทำงานไปแล้วถึง 90%

จำไว้ว่า “ไต” ไม่ถูกกับความเครียดสะสมและการใช้ชีวิตแบบโลดโผน! การเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิอย่างรวดเร็ว การกินดื่มหนักเกินไป การนอนดึก ล้วนเป็นภาระที่กดดัน “โรงงานกรองน้ำ” ของร่างกายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ 

อย่างไรก็ตาม การตรวจสุขภาพประจำปี โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ก็ยังคงมีความสำคัญและไม่ควรละเลย แม้จะไม่มีอาการผิดปกติให้เห็น 

Read Entire Article